วัตถุประสงค์ของ นพ.ภพกฤต ภพธรอังกูร (หมอธีร์) ในการเปิดเพจสำหรับเผยแพร่คำสอนของ องค์เพชรภัทรนาคานาคราช (องค์เพชร) นี้
เพื่อแสดงถึงความศรัทธาส่วนตัวที่มีต่อ อจ.น้องไนซ์ ที่ให้คำสอนที่มีการเปรียบเทียบเปรียบเปรย ที่ทำให้เข้าใจง่ายและปฏิบัติได้จริง โดยมิมีความสงสัยขัดข้องใจใดๆ ว่าจะเป็นเยาวชน หรือ ผู้ใหญ่ หากแต่ด้วยจิตที่มีศรัทธาในการประพฤติธรรมที่มีมาแต่แรกเริ่ม (พ.ศ. 2554) ได้เรียนรู้และเข้าใจสภาวะธรรมของความเป็น อจ.น้องไนซ์ หรือ องค์เพชร ซึ่งผมได้พิจารณาแล้วว่า คำสอนที่องค์เพชรถือมานั้น ตรงกันกับคำสอนที่เคยได้เรียนรู้ เคยทราบมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ จึงได้ขออนุญาต (จากองค์เพชรแล้ว) นำคำสอนขององค์เพชร มารวบรวม เลือกคำสำคัญ และตกผลึก ย่อยมาเผยแผ่ให้แก่กัลยาณมิตร และผู้ที่มีจริตต้องกันกับองค์เพชร มาเรียนรู้และเดินปัญญาด้วยตัวมท่านเอง
และที่สำคัญ ไม่มีเจตนาจะนำเสนอฤทธานุภาพ หรือ ฤทธิ์ทางใจใดๆขององค์เพชร ให้เกิดการยึดติดหรือโน้มน้าวให้ศรัทธาแต่อย่างใด หากแต่เพียง เป่าลมให้ต้องหน้า เป่าหูให้ต้องจิต ให้ท่านได้พินิจพิจารณาด้วยจิตด้วยใจของท่านเท่านั้น
เพื่อแสดงถึงความศรัทธาส่วนตัวที่มีต่อ อจ.น้องไนซ์ ที่ให้คำสอนที่มีการเปรียบเทียบเปรียบเปรย ที่ทำให้เข้าใจง่ายและปฏิบัติได้จริง โดยมิมีความสงสัยขัดข้องใจใดๆ ว่าจะเป็นเยาวชน หรือ ผู้ใหญ่ หากแต่ด้วยจิตที่มีศรัทธาในการประพฤติธรรมที่มีมาแต่แรกเริ่ม (พ.ศ. 2554) ได้เรียนรู้และเข้าใจสภาวะธรรมของความเป็น อจ.น้องไนซ์ หรือ องค์เพชร ซึ่งผมได้พิจารณาแล้วว่า คำสอนที่องค์เพชรถือมานั้น ตรงกันกับคำสอนที่เคยได้เรียนรู้ เคยทราบมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ จึงได้ขออนุญาต (จากองค์เพชรแล้ว) นำคำสอนขององค์เพชร มารวบรวม เลือกคำสำคัญ และตกผลึก ย่อยมาเผยแผ่ให้แก่กัลยาณมิตร และผู้ที่มีจริตต้องกันกับองค์เพชร มาเรียนรู้และเดินปัญญาด้วยตัวมท่านเอง
และที่สำคัญ ไม่มีเจตนาจะนำเสนอฤทธานุภาพ หรือ ฤทธิ์ทางใจใดๆขององค์เพชร ให้เกิดการยึดติดหรือโน้มน้าวให้ศรัทธาแต่อย่างใด หากแต่เพียง เป่าลมให้ต้องหน้า เป่าหูให้ต้องจิต ให้ท่านได้พินิจพิจารณาด้วยจิตด้วยใจของท่านเท่านั้น
สามารถศึกษาเพิ่มเติม ได้ที่ นิรมิตเทวาจุติ
เพื่อเผยแพร่คำสอนขององค์เพชร (องค์แทนผู้ถือธรรม)
"ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน
วงล้อธรรมจักร"
"ยกจิตเหนืออารมณ์
|
|
องค์เพชรภัทรนาคานาคราช ตอบสมาชิกท่านหนึ่งที่สอบถามด้วยความมีทิฐิ เมื่อ 12 ก.ค. 66
"หากเราให้คำตอบแก่ท่านใช่ว่าท่านจะเข้าใจ ด้วยสภาวะท่านยังเดินจิตห่างไกลเกินกว่าจะเข้าใจในคำตอบของเรามั้ย? ผู้มีภูมิธรรมภูมิปัญญา เขาจักเข้าใจว่า ควรจะรับสิ่งใดจากผู้ให้มากกว่าจะถามในสิ่งใดที่ตนยังมิอาจทำถึง ด้วยเขาจักรู้ว่าหากถามเช่นนั้น ย่อมแสดงถึงความโง่เขลาซึ่งปัญญาแห่งตน" |
คำและวลีสำคัญจากองค์เพชร
(เป็นการรวบรวมจากคำพูด คำสนทนา คำสอน การทายปัญหาขององค์เพชร ต่างกรรมต่างวาระ ที่หมอธีร์ได้ฟัง ได้รับทราบจากการแชร์ของทีมงาน) 1. การวิปัสสนากรรมฐานคือ การซูม 2. นิพพานคือ การอยู่เหนือทุกข์แห่งกรรมและอารมณ์ทั้งปวง และเหตุแห่งกรรม คือที่สุดของสมาธิ 3. จากอภิญญาเสร็จก็เป็นญาณสมาบัติ 4. จิต คือ สิ่งที่สามารถเอามาใส่ในกายสังขารของเรา (จิตไม่ใช่กายสังขาร จิตแค่เข้ามาอยู่) 5. จิตไม่มีอะไรให้ดูหรอก สิ่งที่ต้องดูคือ สิ่งที่มาปรุงแต่งจิตต่างหาก |
6. อารมณ์ คือ สิ่งปรุงแต่ง (ของจิต) ก็คือ มีโลภ โกรธ หลง ริษยา มันเหมือนคลื่นที่มากระทบ แต่ว่า ถ้าเราวิปัสสนากรรมฐานเนี่ย เราก็สามารถแบบรู้ถึงอารมณ์และดับคลื่นก็คือดับอารมณ์ได้ เนี่ย อารมณ์มันไม่ได้มีแบบเดียว อารมณ์ที่มากระทบคือสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราปรุงแต่ง แต่ถ้าเราพลาด เราก็จะตกอยู่กับอารมณ์ จิตเราจะฟุ้งซ่าน..."
7. สร้างบุญด้วยการให้ทาน สร้างบารมีได้การปฏิบัติธรรม
8. ความเป็นเดรัจฉานของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวยหรือจน จิตของคนที่เหมือนสัตว์เดรัจฉานจะสูงขึ้นได้ด้วยสติและปัญญาหาใช่เงินทองและฐานะทางสังคมไม่ ทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจนล้วนเท่าเทียมกัน
9. การฝึกวิปัสสนากรรมฐานใช้จิต ไม่ได้ใช้กายสังขาร
7. สร้างบุญด้วยการให้ทาน สร้างบารมีได้การปฏิบัติธรรม
8. ความเป็นเดรัจฉานของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวยหรือจน จิตของคนที่เหมือนสัตว์เดรัจฉานจะสูงขึ้นได้ด้วยสติและปัญญาหาใช่เงินทองและฐานะทางสังคมไม่ ทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจนล้วนเท่าเทียมกัน
9. การฝึกวิปัสสนากรรมฐานใช้จิต ไม่ได้ใช้กายสังขาร
การเชื่อมจิตคืออะไร? ทำอย่างไร? ทำไมต้องเชื่อม?
การที่องค์เพชรใช้พลังพิเศษ(แสงธรรม)ที่ได้รับพรมาจากองค์พุทธะ นำพาพลังนี้ ให้นำทางผู้รับการเชื่อมจิต อันเป็นลักษณะของแสงแห่งธรรม เพื่อให้ได้เรียนรู้ซึ่งคำสอน ข้อธรรม และเรื่องราวแห่งผู้บรรลุธรรมจากศูนย์ธรรมโลกุตระ และรวมถึงให้เห็นถึงต้นฉบับของข้อธรรมที่ถูกบันทึกไว้ ในรูปแบบของวิมุติธรรมที่เป็นเครื่องหมายแห่งแสง สี เสียงภาพและเหตุผล โดยจะมีคำอธิบายถึงข้อธรรมนั้นๆ ที่ไม่มีการกล่าวถึงเป็นภาษาทางกายหรือภาษาใด ๆแต่จะเป็นภาษาทางจิตที่เราสามารถเข้าใจและสัมผัสได้ด้วยจิต ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าธรรมแห่งองค์พระตถาคตที่ทรงค้นพบมีอยู่จริง มีอยู่แล้ว และยังมีอยู่ตลอดไป แม้หากถึง "กาลอันตรธานไม่ปรากฏซึ่งคัมภีร์หรือตำราใดๆบนโลกใบนี้เลยก็ตาม.."
|
|
ประเด็นถาม-ตอบ เกี่ยวกับการเชื่อมจิต
1. เชื่อมจิต คืออะไร
1. เชื่อมจิต คืออะไร
- เป็นการเชื่อมกันระหว่างจิตของเทพ กับ จิตของมนุษย์ โดยการใช้แสงธรรม (แสงสีทอง) ที่องค์เพชร (องค์แทนผู้ถือธรรมลงมา) ได้รับมาจากองค์พระศากยมุนี จะเป็นผู้กระจายและเชื่อมต่อมายังผู้ปฏิบัตที่ศรัทธา แล้วนำพาไปเข้าถึงการเดินปัญญา เรียนรู้โลกุตระธรรมด้วยตัวผู้ปฏิบัติเอง ซึ่งจะช่วยต่อยอดการปฏิบัติของผู้ปฏิบัติธรรมที่ติดขัดไม่สามารถไปต่อได้ ได้เข้าถึง ได้เร็ว เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ได้ไวขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำจิตแบบปล่อยวาง ไม่ต้องไปคิดว่า เราเนี่ยทำไม่ได้ จะทำยังงัย ทำจิตให้ปล่อยวาง
- ทำจิตให้นิ่ง และก็ทำจิตให้ผ่อนคลาย อย่าไปมีอารมณ์โกรธที่ตัวเอง แบบจะได้มั้ย
- อย่าไปมีอารมณ์ตื่นเต้นแบบหนักหนา มันจะเป็นอุปสรรค ให้ทำใจสบายๆ
- ทำจิตแบบอารมณ์ให้ปล่อยวาง
- ขั้นตอนที่ 1: นั่งสมาธิ กำหนดจิตไว้กับลมหายใจหรือคำภาวนา เพื่อให้จิตนิ่ง ตั้งมั่น (เปรียบเสมือนเป็นภาชนะในการรองรับน้ำฝน) ก่อน
- ขั้นตอนที่2: เมื่อจิตนิ่ง คำภาวนาหายไป ให้กำหนดจิตตามไปพิจารณา (ต้นตอจุดกำเนิด ไปเรื่อยๆ จนจุดสิ้นสุดของสิ่งนั้น) สิ่งที่เห็น หรือ สิ่งที่เข้ามาให้รับรู้
- ตากระพริบ
- หน่วงกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว/ หน้าผากตึงๆ หนึบๆ
- เห็นแสงสีทอง สีเขียว สีขาว สีม่วง สีส้ม
- เห็นเกลียวอุโมงค์ ปลายทางมีแสงส่องสว่าง / แสงสปอร์ตไลท์ส่องลงมา
- เหมือนกำลังจะโดนดึงจิตขึ้นไปขณะหลับตา
- เห็นภาพเทพที่เคารพบูชา/เทพที่รักษา
- ให้น้อมจิตพิจารณา กับสิ่งที่ปรากฏในสมาธิ (เดินปัญญา)
- หมั่นทำสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
- รอเชื่อมจิตในครั้งต่อไป (ถ้ามีโอกาส)
- ใช้ยกระดับจิต ลดโลภ โกรธ หลง
- ช่วยให้ทำสมาธิได้เร็ว ได้นานและดีขึ้น
- มีปัญญาในการรู้แจ้ง เข้าถึงโลกุตระธรรมได้มากขึ้น
- เพื่อกระตุ้นการเชื่อมจิตให้ชัดเจน และเร่งการเชื่อมให้ไวขึ้น

การเชื่อมจิต = การต่อยอด ขจัด เคลียร์
ต่อยอด = คนที่ปฏิบัติธรรมไปได้ระยะนึงแล้ว ไปต่อไม่ถูก เชื่อมให้ไปได้เร็วขึ้น และไปถูก
ขจัด = จัดการมาร
เคลียร์ = เอาชนะอารมณ์ได้ เสมือนชนะมารได้ อารมณ์คือมาร อารมณ์เหมือนแม่ทัพของมาร กรรมก็จะไม่เกิด อารมณ์ก็จะถูกดับ
การเชื่อม โดยใช้แสงจากข้างบนลงมา แสงไหลมาที่ตา และทั่วร่างกาย ปล่อยพลังออกมาทั่ว เป็นการเชื่อมจิตของเทพกับจิตมนุษย์ โดยใช้แสงสีทอง องค์เพชรได้รับมาจาก องค์พระศากยมุนี..
แสงออร่า คือ แสงที่มาจากข้างบน
ต่อยอด = คนที่ปฏิบัติธรรมไปได้ระยะนึงแล้ว ไปต่อไม่ถูก เชื่อมให้ไปได้เร็วขึ้น และไปถูก
ขจัด = จัดการมาร
เคลียร์ = เอาชนะอารมณ์ได้ เสมือนชนะมารได้ อารมณ์คือมาร อารมณ์เหมือนแม่ทัพของมาร กรรมก็จะไม่เกิด อารมณ์ก็จะถูกดับ
การเชื่อม โดยใช้แสงจากข้างบนลงมา แสงไหลมาที่ตา และทั่วร่างกาย ปล่อยพลังออกมาทั่ว เป็นการเชื่อมจิตของเทพกับจิตมนุษย์ โดยใช้แสงสีทอง องค์เพชรได้รับมาจาก องค์พระศากยมุนี..
แสงออร่า คือ แสงที่มาจากข้างบน
|
|
|
การก่อตั้งมูลนิธิสายธรรมแห่งองค์พุทธะ
ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคให้ มูลนิธิสายธรรมแห่งองค์พุทธะ เพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม ที่จว.สุราษฎร์ธานี รายละเอียดตามภาพ
ประสบการณ์ของหมอธีร์ที่ได้จากองค์เพชร

หมอธีร์มีโอกาสได้ร่วมขับเคลื่อนวงล้อธรรมจักร 30 ก.ค. 66 (เวลา 13.36)
องค์เพชร ได้ให้กำลังใจ ตามภาพ (19 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 20.00) ในฐานะที่เป็นทีมงาน
องค์เพชร เรียกเข้าพบ (19 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 22.00) ให้โอกาสสอบถามข้อธรรมตามประสบการณ์เรื่องที่ 2 และ 3
องค์เพชร บอกให้ไปให้สัมภาษณ์นักข่าวช่อง 8 (20 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 18.00) ที่มาสัมภาษณ์
องค์เพชร พูดใส่คลิปเสียง (22 ส.ค. 66 เวลา 14.28) มาบอกหมอธีร์ว่า
"ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงล้อธรรมจักร"
องค์เพชร ได้ให้กำลังใจ ตามภาพ (19 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 20.00) ในฐานะที่เป็นทีมงาน
องค์เพชร เรียกเข้าพบ (19 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 22.00) ให้โอกาสสอบถามข้อธรรมตามประสบการณ์เรื่องที่ 2 และ 3
องค์เพชร บอกให้ไปให้สัมภาษณ์นักข่าวช่อง 8 (20 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 18.00) ที่มาสัมภาษณ์
องค์เพชร พูดใส่คลิปเสียง (22 ส.ค. 66 เวลา 14.28) มาบอกหมอธีร์ว่า
"ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงล้อธรรมจักร"
เรื่องที่ 1 เนื่องในโอกาสวันแม่
หมอธีร์ถามว่า "ถ้าพ่อหรือแม่ เราจากไปแล้ว เราจะตอบแทนคุณพวกท่านได้อย่างไร"
องค์เพชร ตอบว่า: การดูแลที่ปลายทาง ย่อมทำได้โดยวิปัสสนากรรมฐาน หากแต่เมื่อท่านเปลี่ยนภพภูมิแล้ว สายสัมพันธ์ย่อมโดนตัดขาดเช่นกัน***
หมอธีร์ถามว่า "เมื่อพ่อแม่เราป่วยเจ็บ เราความดูแลท่านอย่างไร ถึงได้ชื่อว่า เป็นการดูแลที่ดี"
องค์เพชร ตอบว่า: ดูแลเสมือนตัวเราเองเจ็บป่วยเป็น 2 เท่า
หมอธีร์ถามว่า "หากพ่อแม่พูดจาไม่มี ต่อว่า แก่เรา เราควรจะตอบสนองอย่างไรจึงควร"
องค์เพชร ตอบว่า: ย้อนกลับไปยามที่เราเป็นเด็ก สำนึกว่า ผู้ที่ดูแลเราในขณะนั้นท่านดูแลเราด้วยความรู้สึกอย่างไร เราจักไม่รู้สึกในคำพูดและวาจา ที่ท่านส่งมากระทบเรา นอกจากจิตที่ต้องกตัญญูต่อท่าน ด้วยจักต้องรู้ว่า นาทีถัดไป ชั่วโมงถัดไป วันที่ถัดไป เรามิอาจรู้ได้เลยว่าจะได้ยินเสียงท่านอีกหรือไม่
หมอธีร์ถามว่า "ถ้าพ่อหรือแม่ เราจากไปแล้ว เราจะตอบแทนคุณพวกท่านได้อย่างไร"
องค์เพชร ตอบว่า: การดูแลที่ปลายทาง ย่อมทำได้โดยวิปัสสนากรรมฐาน หากแต่เมื่อท่านเปลี่ยนภพภูมิแล้ว สายสัมพันธ์ย่อมโดนตัดขาดเช่นกัน***
หมอธีร์ถามว่า "เมื่อพ่อแม่เราป่วยเจ็บ เราความดูแลท่านอย่างไร ถึงได้ชื่อว่า เป็นการดูแลที่ดี"
องค์เพชร ตอบว่า: ดูแลเสมือนตัวเราเองเจ็บป่วยเป็น 2 เท่า
หมอธีร์ถามว่า "หากพ่อแม่พูดจาไม่มี ต่อว่า แก่เรา เราควรจะตอบสนองอย่างไรจึงควร"
องค์เพชร ตอบว่า: ย้อนกลับไปยามที่เราเป็นเด็ก สำนึกว่า ผู้ที่ดูแลเราในขณะนั้นท่านดูแลเราด้วยความรู้สึกอย่างไร เราจักไม่รู้สึกในคำพูดและวาจา ที่ท่านส่งมากระทบเรา นอกจากจิตที่ต้องกตัญญูต่อท่าน ด้วยจักต้องรู้ว่า นาทีถัดไป ชั่วโมงถัดไป วันที่ถัดไป เรามิอาจรู้ได้เลยว่าจะได้ยินเสียงท่านอีกหรือไม่
เรื่องที่ 2 ถูกองค์เพชรเรียกให้เข้าพบ (1)
หมอธีร์ถามว่า พรหมวิหารธรรม 4 คือ เมตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นแก่นธรรมช่วยเดินปัญญาได้หรือไม่
องค์เพชร ตอบว่า "ช่วย" แต่ไม่ใช่ที่สุด
หมอธีร์ถามต่อว่า งั้นอริยสัจ 4 สำคัญที่สุดใช่หรือไม่
องค์เพชร ตอบว่า "ไม่ใช่" แต่สำคัญที่สุดคือ "พระนิพพาน"
หมอธีร์ถามว่า พรหมวิหารธรรม 4 คือ เมตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นแก่นธรรมช่วยเดินปัญญาได้หรือไม่
องค์เพชร ตอบว่า "ช่วย" แต่ไม่ใช่ที่สุด
หมอธีร์ถามต่อว่า งั้นอริยสัจ 4 สำคัญที่สุดใช่หรือไม่
องค์เพชร ตอบว่า "ไม่ใช่" แต่สำคัญที่สุดคือ "พระนิพพาน"
|
กัลยาณมิตร จาก จว.ภูเก็ต ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่กรุงเทพ และขอเข้าพบองค์เพชร หลังจากที่ได้อ่านข้อความที่ผมสอบถามองค์เพชรเกี่ยวกับพรหมวิหาร 4 ข้างต้นแล้ว ได้นำมาถามต่อ (รายละเอียดตามคลิป)
กัลยาณมิตรถามว่า "ที่สุดเกินกว่า อริยสัจสี่ คือนิพพาน แล้วนิพพาน ต้องทำอย่างไรคะ?" องค์เพชรตอบว่า "ก็ต้องนั่งสมาธิ สวดมนต์ วิปัสสนากรรมฐานขั้นสูงสุด นิพานคือสาเหตุที่อยู่เหนือทุกข์ทั้งปวง" |
เรื่องที่ 3 ถูกองค์เพชรเรียกให้เข้าพบ (2)
หมอธีร์ถามว่า "ในการปฏิบัติธรรมของเกล้าเอง ได้มีคำผุดขึ้นมาในจิตว่า ยอมรับ เข้าใจ ปล่อยวาง เกล้าสามารถใช้ในการสื่อสารสอนธรรมแก่คนอื่นได้หรือไม่"
องค์เพชรตอบว่า "ได้ แต่ต้องนิยามให้ถูกต้อง"
หมอธีร์ถามว่า "ยอมรับ จะนิยามต้องอย่างไร"
องค์เพชรตอบว่า "ให้ยอมรับกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ"
หมอธีร์ถามว่า "แล้ว เข้าใจ จะต้องนิยามอย่างไร"
องค์เพชรตอบว่า "ให้เข้าใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องแท้จริง"
หมอธีร์ถามว่า "แล้ว ปล่อยวาง จะต้องนิยามอย่างไร"
องค์เพชรตอบว่า "ปล่อยอารมณ์"
หมอธีร์ก็สำทับว่า ให้ยกจิตเหนืออารมณ์ ยกธรรมเหนือกรรม (องค์เพชรก็พูดซ้อนมาด้วยประโยค เดียวกัน ... แล้วอมยิ้ม)
หมอธีร์ถามว่า "ในการปฏิบัติธรรมของเกล้าเอง ได้มีคำผุดขึ้นมาในจิตว่า ยอมรับ เข้าใจ ปล่อยวาง เกล้าสามารถใช้ในการสื่อสารสอนธรรมแก่คนอื่นได้หรือไม่"
องค์เพชรตอบว่า "ได้ แต่ต้องนิยามให้ถูกต้อง"
หมอธีร์ถามว่า "ยอมรับ จะนิยามต้องอย่างไร"
องค์เพชรตอบว่า "ให้ยอมรับกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ"
หมอธีร์ถามว่า "แล้ว เข้าใจ จะต้องนิยามอย่างไร"
องค์เพชรตอบว่า "ให้เข้าใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องแท้จริง"
หมอธีร์ถามว่า "แล้ว ปล่อยวาง จะต้องนิยามอย่างไร"
องค์เพชรตอบว่า "ปล่อยอารมณ์"
หมอธีร์ก็สำทับว่า ให้ยกจิตเหนืออารมณ์ ยกธรรมเหนือกรรม (องค์เพชรก็พูดซ้อนมาด้วยประโยค เดียวกัน ... แล้วอมยิ้ม)
เรื่องที่ 4 การวิปัสสนากรรมฐาน คือ การซูม
หมอธีร์ถามว่า จำเป็นหรือไม่ ว่าการซูมต้องนั่งหลับตา
องค์เพชรตอบว่า ก็ต้องหลับตา มันจะใช้สมาธิได้ดีกว่าลืมตา...ลืมตานี่แบบ ลืมตาถาวร ห้ามหลับตามันก็เลยไม่ดี
หมอธีร์ถามว่า การซูมแบบลืมตา นั่งเก้าอี้ นอนซูม ให้ผลต่างจากการนั่งสมาธิอย่างไร
องค์เพชรตอบว่า ไม่มีสมาธิ นั่งสมาธิมากกว่า ถ้านอน ก็จะน้อยมากกว่า ได้น้อย 2 เท่า
หมอธีร์ถามว่า จำเป็นต้องสวดมนต์ก่อนทำการซูมหรือไม่ เพราะเหตุใด
องค์เพชรตอบว่า ไม่ต้อง ไม่ต้องก็ได้
พ่อนกให้ข้อมูลเพิ่มว่า "ถ้าจิตแข็งแล้วอะ เราสามารถเข้าสมาธิได้เลย แต่ถ้าเราทำในรูปแบบ เป็นระบบ ก็คือ สวดมนต์ก่อน เพื่อน้อมจิตถึงพระพุทธองค์ และก็ทำสมาธิ... มันเหมือนเราเจอผู้ใหญ่ แล้วเรายกมือไหว้ เราแสดงความเคารพก่อนเข้าสมาธิ"
แม่นกขยายความว่า "คนเราพื้นฐานมาไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการหลับตาเนี่ย มันจะทำจิตได้นิ่ง ทำสมาธิได้ดีกว่า"
หมอธีร์ถามว่า จำเป็นหรือไม่ ว่าการซูมต้องนั่งหลับตา
องค์เพชรตอบว่า ก็ต้องหลับตา มันจะใช้สมาธิได้ดีกว่าลืมตา...ลืมตานี่แบบ ลืมตาถาวร ห้ามหลับตามันก็เลยไม่ดี
หมอธีร์ถามว่า การซูมแบบลืมตา นั่งเก้าอี้ นอนซูม ให้ผลต่างจากการนั่งสมาธิอย่างไร
องค์เพชรตอบว่า ไม่มีสมาธิ นั่งสมาธิมากกว่า ถ้านอน ก็จะน้อยมากกว่า ได้น้อย 2 เท่า
หมอธีร์ถามว่า จำเป็นต้องสวดมนต์ก่อนทำการซูมหรือไม่ เพราะเหตุใด
องค์เพชรตอบว่า ไม่ต้อง ไม่ต้องก็ได้
พ่อนกให้ข้อมูลเพิ่มว่า "ถ้าจิตแข็งแล้วอะ เราสามารถเข้าสมาธิได้เลย แต่ถ้าเราทำในรูปแบบ เป็นระบบ ก็คือ สวดมนต์ก่อน เพื่อน้อมจิตถึงพระพุทธองค์ และก็ทำสมาธิ... มันเหมือนเราเจอผู้ใหญ่ แล้วเรายกมือไหว้ เราแสดงความเคารพก่อนเข้าสมาธิ"
แม่นกขยายความว่า "คนเราพื้นฐานมาไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการหลับตาเนี่ย มันจะทำจิตได้นิ่ง ทำสมาธิได้ดีกว่า"
เรื่องที่ 5 เครื่องหมายนี้สื่ออะไร
แม่นก ส่งภาพมาถามในกลุ่มทีมงานองค์เพชร พร้อมบอกว่า วิเคราะห์กันดูคะ ว่าน้องสื่ออะไร
แม่นก ให้ข้อมูลเพิ่มว่า อนันตภาค ได้ยินน้องบอกแบบนี้ แต่ยังไม่ขยายความ
แม่นก ส่งภาพมาถามในกลุ่มทีมงานองค์เพชร พร้อมบอกว่า วิเคราะห์กันดูคะ ว่าน้องสื่ออะไร
แม่นก ให้ข้อมูลเพิ่มว่า อนันตภาค ได้ยินน้องบอกแบบนี้ แต่ยังไม่ขยายความ

หมอธีร์ สืบค้นพบว่า
อนันตภาคย์ หรือเงื่อนแห่งสิริมงคล หมายถึง ปมเงื่อนที่คดเคี้ยวไปมา แต่ทุกช่องทางล้วนสามารถผ่านได้โดยตลอด ด้วยเส้นทางนี้ ผู้ที่อุทิศตนเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ย่อมสามารถค้นพบมุขยปัญญาและความตื่นรู้ ท่ามกลางกระแสธารแห่งชีวิต
ตามความเข้าใจของเกล้า
ผู้อุทิศตนเจริญรอยตาม น่าจะหมายถึง ผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
มุขยปัญญา หมายถึง ตัวรู้สำคัญ
ฉะนั้นแล้ว การเครื่องหมายนี้ น่าจะหมายถึง การเดินปัญญาด้วยการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนขององค์พุทธะ จะสามารถค้นพบตัวรู้สำคัญเพื่อนำพาจิตให้พ้นวิบากหรือวัฏฏสงสารได้
อนันตภาคย์ หรือเงื่อนแห่งสิริมงคล หมายถึง ปมเงื่อนที่คดเคี้ยวไปมา แต่ทุกช่องทางล้วนสามารถผ่านได้โดยตลอด ด้วยเส้นทางนี้ ผู้ที่อุทิศตนเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ย่อมสามารถค้นพบมุขยปัญญาและความตื่นรู้ ท่ามกลางกระแสธารแห่งชีวิต
ตามความเข้าใจของเกล้า
ผู้อุทิศตนเจริญรอยตาม น่าจะหมายถึง ผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
มุขยปัญญา หมายถึง ตัวรู้สำคัญ
ฉะนั้นแล้ว การเครื่องหมายนี้ น่าจะหมายถึง การเดินปัญญาด้วยการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนขององค์พุทธะ จะสามารถค้นพบตัวรู้สำคัญเพื่อนำพาจิตให้พ้นวิบากหรือวัฏฏสงสารได้
องค์เพชรภัทรนาคานาคราช เมตตาอธิบายเงื่อนอนันตภาคย์ นี้ (เมื่อ 24 ก.ย. 66 เวลา 21.00) ว่า
"เป็นสัญลักษณ์ของการรู้แจ้ง ปัญญาที่เสมือนโซ่ที่ไม่มีปลาย ขององคฺ์พุทธะ ซึ่งท่านเข้าถึงดาต้า (DATA = แหล่งข้อมูลความรู้ หรือองค์ความรู้แห่งการรู้แจ้ง) องค์ความรู้ที่ไม่มีปลาย และท่าน (องค์พุทธะ) วางจิตอยู่เหนือซึ่งองค์ความรู้ ในสภาวะนิพพาน ผู้ที่อุทิศตน เจริญรอยตามองค์พุทธะ ย่อมสามารถค้นพบ ปัญญาและความตื่นรู้ รู้แจ้ง
เมื่อเข้าสู่สภาวะโหมดปัญญาจะแบ่งออกเป็น 3 เลเวล (level = ระดับ)
1.ฟัง อ่าน แล้ววนลูป ติดเมมเมอรี่ (memory = ความจำ)
2.พิจารณา แล้ววนลูป ติดกับดัก (เปรียบเสมือน) จมกับ แสงสีม่วง (การปรุงแต่งซึ่งอารมณ์)
3.ความตื่นรู้ รู้แจ้ง คือ แสงสีทอง (ปัญญา)
สำหรับท่านนั้น ยังติดอยู่ หรือจมปลักใน (ปัญญา) ระดับที่ 2 จึงต่อยอด เพื่อยกระดับจิตให้ก้าวผ่านไม่ได้ จึงเกิดเป็นตัวรู้ เมื่อรู้แล้ว ไม่วาง ยังคงวนลูป (loop) อยู่ที่เดิม ปรากฎเป็นไม่ทุกข์ แต่ทุกข์ เห็นถึงความวุ่นวาย เป็นทุกข์ในปัจจัยทางโลก ท่านใช้การหลีกหนี หาใช่การวางจิตไว้เหนือเหตุไม่ จิตท่าน จึงเดินไปถึงปลายอุโมงค์ที่ปิด และหาทางเปิดไม่ได้!!! เกิดเป็นการเดินกลับไปกลับมาในอุโมงค์อยู่เช่นนั้น"
"เป็นสัญลักษณ์ของการรู้แจ้ง ปัญญาที่เสมือนโซ่ที่ไม่มีปลาย ขององคฺ์พุทธะ ซึ่งท่านเข้าถึงดาต้า (DATA = แหล่งข้อมูลความรู้ หรือองค์ความรู้แห่งการรู้แจ้ง) องค์ความรู้ที่ไม่มีปลาย และท่าน (องค์พุทธะ) วางจิตอยู่เหนือซึ่งองค์ความรู้ ในสภาวะนิพพาน ผู้ที่อุทิศตน เจริญรอยตามองค์พุทธะ ย่อมสามารถค้นพบ ปัญญาและความตื่นรู้ รู้แจ้ง
เมื่อเข้าสู่สภาวะโหมดปัญญาจะแบ่งออกเป็น 3 เลเวล (level = ระดับ)
1.ฟัง อ่าน แล้ววนลูป ติดเมมเมอรี่ (memory = ความจำ)
2.พิจารณา แล้ววนลูป ติดกับดัก (เปรียบเสมือน) จมกับ แสงสีม่วง (การปรุงแต่งซึ่งอารมณ์)
3.ความตื่นรู้ รู้แจ้ง คือ แสงสีทอง (ปัญญา)
สำหรับท่านนั้น ยังติดอยู่ หรือจมปลักใน (ปัญญา) ระดับที่ 2 จึงต่อยอด เพื่อยกระดับจิตให้ก้าวผ่านไม่ได้ จึงเกิดเป็นตัวรู้ เมื่อรู้แล้ว ไม่วาง ยังคงวนลูป (loop) อยู่ที่เดิม ปรากฎเป็นไม่ทุกข์ แต่ทุกข์ เห็นถึงความวุ่นวาย เป็นทุกข์ในปัจจัยทางโลก ท่านใช้การหลีกหนี หาใช่การวางจิตไว้เหนือเหตุไม่ จิตท่าน จึงเดินไปถึงปลายอุโมงค์ที่ปิด และหาทางเปิดไม่ได้!!! เกิดเป็นการเดินกลับไปกลับมาในอุโมงค์อยู่เช่นนั้น"
|
คำถามที่ 1 ว่า: แล้วจะทำอย่างไร จึงจะวางได้ดีขึ้น มากขึ้นครับ องค์เพชร?
องค์เพชรเมตตาตอบว่า: "ยกจิตขึ้นมาให้เหนือแล้วมองลงไปหาใช่มองขึ้นมาไม่ (การยกจิตขึ้นเหนืออารมณ์) เมื่อมองลงไปจะเห็นเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ มิอาจกระทบจิตให้เกิดการปรุงแต่งได้ เล็กลงเรื่อยๆ จนมิอาจเห็นซึ่งสิ่งนั้น ยิ่งสูงยิ่งห่างออกซึ่งสิ่งกระทบเข้าใจหรือไม่" คำถามที่ 2 ว่า: การพิจารณา ให้ซูมเข้า การวางจิต ให้ซูมออก ใช่มั้ยครับ? องค์เพชรเมตตาตอบว่า: "เดี๋ยวโดนมะเหงก ซูมคืออะไร" สมาชิกฯ ก็แจงว่า ซูมคือ การมองเข้าไป...เพื่อไม่ให้ติดใจ ก็ซูมออกครับ Zoom in... Zoom out ภาษามนุษย์งัยครับองค์เพชร องค์เพชรบอกว่า "เขาเลยจากการพิจารณาแล้วหาใช่ขั้นตอนการพิจารณา" |
คำถามที่ 3 ว่า: จะทำอย่างไรจึงจะสลัดได้ดี ได้ง่ายครับ?
องค์เพชรเมตตาตอบว่า: "บอกไม่ได้ ปัจจัยเหตุย่อมแตกต่างกัน (เพราะ) จิตแต่ละดวง ต้องหาชิ้นส่วนด้วยตนเอง เพื่อไขกุญแจเปิดเข้าสู่ดาต้า (data = ข้อมูล หรือ ตัวรู้)"
คำถามที่ 4 ว่า: สำหรับ เขาคนนั้น (ที่ติดวนลูป) จะช่วยให้เขาสลัดอย่างไรครับ?
องค์เพชรเมตตาตอบว่า: "เมื่อเขาได้คำตอบ เขาต้องกลับไปฝึกด้วยตนเอง เมื่อติดตรงไหน เขาจักกลับมาถาม ตอนนี้บอกไม่ได้ ฝึกและฝึก จนเกิดเป็นองค์ความรู้แบบอัตโนมัติ จึงจะสลัด ยกจิตเหนือเหตุได้"
องค์เพชรเมตตาตอบว่า: "บอกไม่ได้ ปัจจัยเหตุย่อมแตกต่างกัน (เพราะ) จิตแต่ละดวง ต้องหาชิ้นส่วนด้วยตนเอง เพื่อไขกุญแจเปิดเข้าสู่ดาต้า (data = ข้อมูล หรือ ตัวรู้)"
คำถามที่ 4 ว่า: สำหรับ เขาคนนั้น (ที่ติดวนลูป) จะช่วยให้เขาสลัดอย่างไรครับ?
องค์เพชรเมตตาตอบว่า: "เมื่อเขาได้คำตอบ เขาต้องกลับไปฝึกด้วยตนเอง เมื่อติดตรงไหน เขาจักกลับมาถาม ตอนนี้บอกไม่ได้ ฝึกและฝึก จนเกิดเป็นองค์ความรู้แบบอัตโนมัติ จึงจะสลัด ยกจิตเหนือเหตุได้"
เรื่องที่ 6 คำถามจากองค์เพชร ที่ให้ทีมงานได้ลองคิดและตอบ
คำถามที่ 1 ว่า เหตุใดต้นทุนชีวิตของมนุษย์จึงต่างกัน?
องค์เพชรเมตตาตอบว่า เป็นเพราะบุญ บารมี และกรรม
คำถามที่ 2 ว่า แล้วมีปัจจัยใดเล่าที่ทำให้มนุษย์สร้างหรือไม่สร้างบุญบารหรือสร้างเหตุผลแตกต่างกัน?
องค์เมตตาตอบว่า เป็นการที่แตกต่างกันเพราะว่า เกิด/ไม่เกิดความเพียร บางคนก็เกิดความเพียร บางคนก็ไม่เกิดความเพียร บางคนก็ขี้เกียจ บางคนก็ไม่ขี้เกียจ
คำถามที่ 3 ว่า การสร้างบุญ มนุษย์ควรทำเยี่ยงไร?
องค์เพชรตอบ: (การให้) ทานเป็นการสร้างบุญ
คำถามที่ 4 ว่า การสร้างบารมี มนุษย์ ควรทำเยี่ยงไร?
องค์เพชรตอบ: (การปฏิบัติ) ธรรมะ เป็นการสร้างบารมี
คำถามที่ 1 ว่า เหตุใดต้นทุนชีวิตของมนุษย์จึงต่างกัน?
องค์เพชรเมตตาตอบว่า เป็นเพราะบุญ บารมี และกรรม
คำถามที่ 2 ว่า แล้วมีปัจจัยใดเล่าที่ทำให้มนุษย์สร้างหรือไม่สร้างบุญบารหรือสร้างเหตุผลแตกต่างกัน?
องค์เมตตาตอบว่า เป็นการที่แตกต่างกันเพราะว่า เกิด/ไม่เกิดความเพียร บางคนก็เกิดความเพียร บางคนก็ไม่เกิดความเพียร บางคนก็ขี้เกียจ บางคนก็ไม่ขี้เกียจ
คำถามที่ 3 ว่า การสร้างบุญ มนุษย์ควรทำเยี่ยงไร?
องค์เพชรตอบ: (การให้) ทานเป็นการสร้างบุญ
คำถามที่ 4 ว่า การสร้างบารมี มนุษย์ ควรทำเยี่ยงไร?
องค์เพชรตอบ: (การปฏิบัติ) ธรรมะ เป็นการสร้างบารมี
เกร็ดความรู้จากองค์เพชร
1. ทำไมต้องใช้ดอกบัวถวายเฉพาะพระพุทธเจ้า?
|
องค์เพชรกล่าว่า "น้องไนซ์ขอพูดนะ ก็คือ ปกติดอกบัวต้องไหว้พระพุทธเจ้า แต่น้องไนซ์คือองค์แทนผู้ถือธรรมมาจากพระพุทธเจ้า น้องไนซ์ได้"
แม่นกขยายความว่า "น้องหมายถึงว่า ดอกบัวเนี่ย ตามจริงแล้วจะต้องใช้ไหว้พระพุทธองค์เพียงอย่างเดียว กรณีที่เอาดอกบัวมาให้น้องตอนนี้ น้องรับเพราะว่า น้องเป็นองค์แทนผู้ถือธรรมมาจากพระพุทธองค์ น้องก็เลยรับ" |
2. ทำไมไม่ควรใช้ดอกไม่สีเหลืองในการไหว้พระ?
|
องค์เพชรกล่าวว่า "เพราะว่า ดอกดาวเรือง หรือดอกไม้สีเหลืองเนี่ย ก็คือแบบ แต่นี่น้องพูดถึงดอกดาวเรืองนะ ก็คือเป็นการแสดงถึงภูตผี ปีศาจ เป็นการนับถือไหว้ภูตผีปีศาจ และก็เอามาทำพิธีการศพ และก็เป็นวิธีการ แบบเป็นนับถือบูชาสมัยก่อน คือพราหมณ์"
แม่นกถามว่า "น้องๆ แล้วแม่ถามหน่อยว่า แล้วสัญลักษณ์ที่เป็นขององค์พุทธะ" องค์เพชรกล่าวว่า "สัญลักษณ์คำสอนใช่มะครับ ก็คือ ใบโพธิ์ครับ" แม่นกถามต่อว่า แล้วอย่างนี้ ถ้าจะไหว้ท่าน เราต้องใช้อะไรลูก องค์เพชรกล่าวว่า "ดอกบัวครับ แต่ถ้าไม่มีจริงๆอะ ต้องใช้ดอกมะลิ" แม่นกถามต่อว่า แล้วพวกเทพอะไรอะลูก องค์เพชรกล่าวว่า "ก็ใช้ดอกมะลิ แต่ว่าพระพุทธเจ้าควรใช้ดอกบัว" |
สำหรับไหว้พระพุทธเจ้า และ เทพ
3. เครื่องรางของขลัง ช่วยได้จริงหรือไม่?
|
องค์เพชรกล่าวว่า "เครื่องรางช่วยไม่ได้เลย ซื้อไปก็เท่านั้น...ต้องนั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำความดี ทำบุญทำทาน...
การไปซื้อ เช่าของมาบูชา มาแก้กรรมในปัจจุบันและอดีตชาติไม่ได้ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ แค่ทำให้กรรมตามไม่ทัน พอไม่ได้นั่งสมาธิ บุญหมดปุ๊บ ตัดเลย...กรรมตัดรอน" การนำพระพุทธเจ้ามาแขวนคอ เพราะให้คิดถึงคำสอนของท่าน ปฏิบัติตามคำสอนของท่าน |